2 ยักษ์เครื่องดื่มระดับโลก “เป๊ปซี่โค-ซันโทรี่” ประกาศตั้งบริษัทร่วมทุนในไทย

1722

“ซันโทรี่” และ “เป๊ปซี่โค” ถือเป็น 2 ยักษ์ใหญ่บรัทเครือ่งดื่มระดับโลกที่จับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกันมาอย่างยาวนาน และประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจร่วมกันมาแล้วในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ รวมถึงเวียดนาม

ล่าสุด “เป๊ปซี่โค อิงค์” บริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำระดับโลก เจ้าของแบรนด์เครื่องดื่ม “เป๊ปซี่” ได้ประกาศปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มในประเทศไทยครั้งใหญ่ด้วยการลงนามในสัญญาความร่วมมือกับ บริษัท ซันโทรี่ เบฟเวอร์เรจ แอนด์ ฟู้ด เอเชีย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท ซันโทรี่ เบฟเวอร์เรจ แอนด์ ฟู้ด จำกัด ผู้นำระดับโลกในธุรกิจเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์จากประเทศญี่ปุ่น จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อมุ่งดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์แบบครบวงจรในประเทศไทยร่วมกัน

รายงานข่าวระบุว่า การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อมุ่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเครื่องดื่มของเป๊ปซี่โคในประเทศไทย ทั้งยังเป็นโอกาสในการสร้างการเติบโตให้กับทั้ง 2 บริษัทในอนาคต

ผสานจุดแข็ง-พัฒนาศักยภาพร่วมกัน

โดยปัจจุบัน เป๊ปซี่โค ซึ่งดำเนินธุรกิจภายใต้ บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ถือเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ในประเทศไทยที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง การจับมือเป็นพันธมิตรกันครั้งนี้ ทั้งเป๊ปซี่โคและซันโทรี่ต่างมุ่งผสานจุดแข็งที่มีอยู่เพื่อร่วมพัฒนาศักยภาพและประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าและคู่ค้า

รวมทั้งมุ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคด้วยการพัฒนาสินค้าใหม่ และการขยายพอร์ตโฟลิโอเครื่องดื่มให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และเครื่องดื่มต่างๆ ในเครือซันโทรี่ด้วย

ภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล รีเฟรชเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเป๊ปซี่โคที่ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มในประเทศไทยในปัจจุบันจะเปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอร์เรจ (ประเทศไทย) จำกัด”

โดยซันโทรี่จะถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 51 ในขณะที่เป๊ปซี่โคจะถือหุ้นส่วนที่เหลือร้อยละ 49 และคณะผู้บริหารของทั้งซันโทรี่และเป๊ปซี่โคจะดำรงตำแหน่งสำคัญในบริษัทร่วมทุนดังกล่าว ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มให้กับทั้งสองบริษัท

มุ่งขยายพอร์ตโฟลิโอเครื่องดื่ม

“เชคก้า มันด์เลย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท ซันโทรี่ เบฟเวอร์เรจ แอนด์ ฟู้ด เอเชีย จำกัด กล่าว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถือเป็นหนึ่งในภูมิภาคหลักที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์สำหรับซันโทรี่ เนื่องจากได้เห็นการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องอันเป็นผลมาจากการขยายตัวของสังคมเมืองที่รวดเร็ว ประกอบกับการมีสัดส่วนของประชากรที่มีอายุน้อยเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ

โดยเมืองไทยถือเป็นประเทศที่มีความโดดเด่นในภูมิภาค เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงและมีการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง ซึ่งที่ผ่านมาเป๊ปซี่โคได้วางรากฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยมีระบบการผลิตและการกระจายสินค้าที่เป็นเลิศ และมีพอร์ตโฟลิโอสินค้าที่หลากหลายภายใต้แบรนด์ชั้นนำ รวมทั้งบุคลากรที่มีคุณภาพ ซึ่งซันโทรี่หวังเป็นอย่างยิ่งว่า บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอร์เรจ (ประเทศไทย) จำกัด จะสานต่อความสำเร็จดังกล่าวและร่วมสร้างการเติบโตให้เกิดขึ้นในอนาคตอย่างต่อเนื่องด้วยการนำเสนอพอร์ตโฟลิโอเครื่องดื่มที่หลากหลายในอนาคต

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ซันโทรี่มุ่งพัฒนาธุรกิจในระดับโลก และได้ขยายธุรกิจเครื่องดื่มและอาหารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างต่อเนื่อง โดยได้เปิดสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคที่ประเทศสิงคโปร์ การตัดสินใจขยายการดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มในประเทศไทยครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจในระยะยาว

โดยซันโทรี่ยังเป็นเจ้าของแบรนด์ซุปไก่สกัดและรังนกแท้ BRAND’S ® ในประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารเสริมเพื่อสุขภาพที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศและในภูมิภาค

นอกจากนี้ ยังมีพอร์ตโฟลิโอของผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่แข็งแกร่งมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มเกลือแร่ Lucozade® เครื่องดื่มน้ำผลไม้ Ribena® เครื่องดื่มอัดลมรสมะนาวผสมวิตามินซี CC Lemon® ชาพร้อมดื่ม TeaPlus® เครื่องดื่มฟังก์ชันนอลดริงค์ GoodMood® และกาแฟกระป๋อง MYCAFE®

คาดจัดโครงสร้างใหม่เสร็จต้นปีหน้า

ด้าน  “เดล การาซ” ประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ของเป๊ปซี่โค กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดหลักที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจของเป๊ปซี่โคในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งที่ผ่านมาเป๊ปซี่โคได้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน โดยมีแบรนด์ยอดนิยมอย่าง “เป๊ปซี่” ที่อยู่คู่กับคนไทยมานับตั้งแต่ปี 2495

และเพื่อให้ธุรกิจมีศักยภาพในการแข่งขันที่สูงขึ้นและสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว บริษัทจึงได้ปรับตัวและมองหาโมเดลธุรกิจที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในแต่ละตลาด โดยมั่นใจว่าการร่วมทุนกับซันโทรี่ในครั้งนี้จะนำมาซึ่งความร่วมมือที่แข็งแกร่ง และช่วยสร้างรากฐานให้ธุรกิจเครื่องดื่มของเป๊ปซี่โคในประเทศไทยเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา (2555-2559) เป๊ปซี่โค ได้มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยด้วยมูลค่าหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งในธุรกิจอาหารและธุรกิจเครื่องดื่ม ซึ่งรวมไปถึงการเปิดโรงงานผลิตเครื่องดื่มแห่งแรก ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง ในปี 2555 และโรงงานผลิตเครื่องดื่มแห่งที่2 ณ นิคมอุตสาหกรรมหนองแค จังหวัดสระบุรี ในปี 2559 ที่ผ่านมา เพื่อมุ่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความได้เปรียบในการรุกตลาดเครื่องดื่ม ทั้งยังเป็นการรองรับการขยายพอร์ตโฟลิโอในระยะยาว

โดยขณะนี้ เป๊ปซี่โคและซันโทรี่อยู่ระหว่างการดำเนินตามขั้นตอนต่างๆ ทางกฎหมายเพื่อถ่ายโอนการดำเนินธุรกิจไปสู่ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอร์เรจ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในช่วงครึ่งปีแรกของปีหน้า

ภายหลังการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจ เป๊ปซี่โคจะยังคงดูแลรับผิดชอบกิจกรรมด้านการตลาดของแบรนด์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องดื่มน้ำอัดลมเป๊ปซี่ มิรินด้า เซเว่น-อัพ ชาพร้อมดื่ม ลิปตัน เครื่องดื่มเกลือแร่เกเตอเรด และน้ำดื่มอควาฟิน่า รวมไปถึงการพัฒนานวัตกรรมและสินค้าใหม่ๆ ของแบรนด์เครื่องดื่มในเครือเป๊ปซี่โคในอนาคต

ในส่วนของธุรกิจอาหารและขนมขบเคี้ยว เป๊ปซี่โคยังคงดำเนินธุรกิจดังกล่าวในเมืองไทยด้วยตัวเองเหมือนเช่นเดิม โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับซันโทรี่แต่อย่างใด

โดยปัจจุบันเป๊ปซี่โคเป็นผู้นำตลาดขนมขบเคี้ยวมูลค่า 34,000 ล้านบาท ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย อาทิ มันฝรั่งทอดกรอบ “เลย์” ขนมขึ้นรูป “ตะวัน” และ “ซันไบทส์” และยังคงมุ่งมั่นสานต่อการลงทุนในด้านต่างๆ ทั้งการส่งเสริมการเกษตร การพัฒนานวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ ตลอดจนด้านการกระจายสินค้า เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในประเทศไทยต่อไป