จะ IoT หรือ AI เทคโนโลยีเป็นไปได้ที่แสนสิริ

2119

การประกาศร่วมทุนระหว่างแสนสิริ ยักษ์ใหญ่ในวงการเรียลเอสเตท กับธนาคารไทยพาณิชย์ พันธมิตรทางการเงินที่แนบแน่นยาวนาน ตั้งบริษัทร่วมทุน “สิริ เวนเจอร์”  มุ่งเป้าหมายในทำการวิจัยและลงทุน เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ (R&D) ด้าน Property Technology อย่างเต็มรูปแบบเป็นรายแรกของไทย มองหาสตาร์ทอัพไอเดียเจ๋งมาร่วมงาน เมื่อต้นปี 2560 ถือเป็นการประกาศตัวอย่างชัดเจนของแสนสิริ ในการเป็นผู้นำด้าน Property Technology หรือ Proptech

แต่ยังไม่ทันจะได้ผลผลิตจากสิริ เวนเจอร์ ดูเหมือนว่าแสนสิริจะนำหน้าคู่แข่งด้าน Proptech ไปไกลแล้ว

เพราะในขณะที่ลูกบ้านของโครงการส่วนใหญ่ใช้การติดต่อสื่อสารกับผู้ดูแลส่วนกลางของโครงการด้วยการสร้างกลุ่ม LINE  พูดคุยติดต่อ  แต่แสนสิริ มีแอพพลิเคชั่น Home Service ที่สามารถเชื่อมโยงความต้องการของลูกบ้านทุกโครงการ  และขณะที่ผู้พักอาศัยในคอนโดมิเนียมทั่วไปยังอาจใช้พนักงานเดินส่งจดหมาย พัสดุให้ผู้พักอาศัย แต่ที่โครงการ เดอะ โมนูเม้นท์ สนามเป้า ของแสนสิริ มีหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI  “น้องแสนดี”  คอยทำหน้าที่นี้

ดร. ทวิชา ตระกูลยิ่งยง ประธานผู้บริหารสายงานเทคโนโลยีและวิเคราะห์ข้อมูล บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีนี้ถือเป็นปีที่แสนสิริ มีการลงทุนด้านนวัตกรรมอย่างเต็มที่  เพราะจากประสบการณ์เกือบ 35 ปีในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำให้แสนสิริเห็นความเปลี่ยนแปลงในไลฟ์สไตล์และความต้องการของลูกค้าในยุคที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และเชื่อว่าเทคโนโลยีจะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ของลูกค้าได้ดี จึงได้พยายามนำเทคโนโลยีมาต่อยอดใช้ประโยชน์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในมิติใหม่ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง  เพื่อยกระดับการบริการที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านและรักษาความเป็นผู้นำในการบุกเบิกและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยของวงการอสังหาริมทรัพย์

ดร. ทวิชา ตระกูลยิ่งยง

ประธานผู้บริหารสายงานเทคโนโลยีและวิเคราะห์ข้อมูล บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)

                “ปีนี้แสนสิริได้เดินหน้ารุก Innovation อย่างเต็มที่ โดยอยู่ระหว่างการสร้าง Innovation Center เพื่อให้เป็นแหล่งแสดงผลงาน และเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการอยู่อาศัยของแสนสิริโดยเฉพาะ  พร้อมทั้งแสวงหาพันธมิตรที่มีศักยภาพระดับโลกและมีวิสัยทัศน์ตรงกันในการมองความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ และพัฒนาสินค้าและบริการจากมุมมองของลูกค้าเป็นหลัก ก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงทางนวัตกรรมการอยู่อาศัยที่สำคัญ เรียกว่า ‘The New Era of Limitless Living’ ที่จะช่วยเติมเต็มการใช้ชีวิตในโลกยุคดิจิทัลไม่รู้จบในทุกๆ ด้าน”

Innovation ของแสนสิริ ในปีนี้จึงยังไม่ได้หยุดแค่แอพพลิเคชั่น และหุ่นยนต์ส่งเอกสาร เท่านั้น ล่าสุดแสนสิริเติมเต็มความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาเป็นลูกค้าโครงการระดับ บี เซ็กเมนท์ คอนโดมิเนียมระดับกลางบน ที่มีไลฟ์สไตล์ เข้าใจและคุ้นเคยกับเทคโนโลยีมากที่สุด ด้วยการสร้างนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์  Sansiri AI Box ที่จะช่วยให้การใช้ชีวิตของลูกบ้านในคอนโดมิเนียมของแสนสิริเป็นเรื่องง่าย เพียงเอ่ยปากสั่ง

Sansiri AI Box เป็นการทำงานร่วมกับ อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส ประเทศไทย ผู้ให้บริการ Infrastructure Cloud Computing  และเดลิเทค  บริษัทผู้สร้าง Innovation  สร้าง AI Box  เป็น Home Automation และ Home Service ที่มีจุดเด่นคือสามารถสั่งงานด้วยภาษาไทย เป็นครั้งแรก โดยสามารถให้บริการ ประกอบด้วย

  • การรับคำสั่งพื้นฐานของฟังก์ชั่นต่างๆ ที่สอดรับกับการดำเนินชีวิตประจำวัน อาทิ การตรวจสอบยอดค่าน้ำ ตรวจเช็คพัสดุ การจองและตรวจสอบสถานะการใช้งานของห้องส่วนกลาง รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในโครงการ เช่น การเปิดจองบริการของห้องโยคะ เป็นต้น
  • Sansiri Home Automation Control เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ใดก็สามารถสั่งงานได้ด้วยการใช้เสียง ทั้ง เปิด-ปิดไฟ เครื่องปรับอากาศ ม่านไฟฟ้า หรือเปิด-ปิดเปลี่ยนช่องโทรทัศน์
  • เพิ่มขีดความสามารถในการใช้งานให้โต้ตอบได้หลากหลายมากขึ้น สามารถให้ข้อมูลพื้นฐานต่างๆ ได้ เช่น พยากรณ์อากาศ เช็คสภาพการจราจร สรุปข่าวรายวัน ฯลฯ ซึ่งผู้ใช้สามารถสั่งการทำงานไม่ว่าจะอยู่ในมุมไหนของห้องก็ตาม
  • ตอบรับชีวิตยุคดิจิทัลด้วยการเชื่อมต่อความสนุกอย่างไม่รู้จบ สามารถฟังเพลงไทย หรือรับคลื่นวิทยุในประเทศไทย

Sansiri AI Box จะเริ่มใช้งานกับโครงการ The Line เป็นกลุ่มแรกในช่วงไตรมาส 2 ของปีหน้า โดย ดร.ทวิชา กล่าวว่า จะเป็นบริการที่ให้บริการฟรี ทั้งกล่อง Sansiri AI Box  และการบริการต่างๆ เพียงแต่การใช้งานจำเป็นต้องเชื่อมโยงด้วยอินเทอร์เน็ต ซึ่งแสนสิริก็ได้มีการพูดคุยกับผู้ให้บริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต เสนอแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตราคาพิเศษให้กับลูกค้าในโครงการ

ขณะที่ลูกบ้านแสนสิริโครงการอื่น โดยเฉพาะโครงการแนวราบ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์  แสนสิริก็เตรียมพัฒนาบริการบนแอพพลิเคชั่น Home Service จากบริการปัจจุบันที่เน้นการเชื่อมโยงกับส่วนกลางในการแจ้งเหตุ แจ้งซ่อมแซม ในอนาคตแอพพลิเคชั่นนี้จะสามารถควบคุมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อาทิ การเปิด-ปิด ไฟ เครื่องปรับอากาศ หรือโทรทัศน์ ผ่านอุปกรณ์  IoT (Internet of Things)  มีบริการเรียกรถแท็กซี่ รวมไปถึงเปิดเป็นช่องช้อปปิ้งออนไลน์ การจองตั๋ว ทั้งเครื่องบิน, ภาพยนตร์ รวมถึงคอนเสิร์ต , บริการสั่งอาหาร  ซักรีด และการรับส่งสินค้า โดยบริการต่างๆ จะเริ่มทะยอยเปิดให้ใช้งานได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปีหน้าเช่นกัน

“ในแต่ละปีแสนสิริใช้งบประมาณด้านเทคโนโลยีไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งเราไม่อยากให้มองว่าเป็นการลงทุน แต่เป็นการพัฒนาบริการใหม่ๆ  ที่แสนสิริมีความมุ่งมั่นในการตอกย้ำจุดยืนในฐานะ market shaper ที่ไม่หยุดยั้งในการสรรหาความเชี่ยวชาญจากบริษัทระดับโลก มาช่วยยกระดับการให้บริการ สามารถมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยเหนือความคาดหมายให้ลูกค้า และเปิดให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์แบบ Glocal (Global+Local) หรือการที่ลูกค้าได้มีโอกาสใช้ชีวิตระดับโลกได้อย่างง่ายๆ”  ดร.ทวิชากล่าว