JWD เรียนลัดขึ้นชั้น Regional Logistics

1799

คงต้องบอกว่า วันนี้ ธุรกิจโลจิสติกส์ ถือเป็นธุรกิจเนื้อหอมของเมืองไทยตัวจริง

ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจของทั่วโลกดำดิ่ง การรวมตัวของกลุ่มประเทศอาเซียนขึ้นเป็นกลุ่ม AEC  ได้กลายจุดสนใจของนักลงทุน นักธุรกิจ นักเศรษฐกิจ การตลาดทั่วโลก เพราะนี่คือกลุ่มประเทศที่ยังมองเห็นการเติบโตทางเศรษฐกิจชัดเจนแห่งเดียวในโลก  ต่างมุ่งหน้าเข้ามาหาโอกาสทางธุรกิจ การค้า

และแน่นอนว่า การมุ่งหน้าสู่ตลาดเออีซี ของสินค้าจากทั่วโลก ต่างก็มองประเทศไทย เป็นจุดศูนย์กลางในการเชื่อมโยงประเทศต่างๆ ในกลุ่มเออีซีที่เหมาะสมที่สุด  ฟ้าฝนจึงโปรยปรายสู่ธุรกิจโลจิสติกส์ไทยให้ชุ่มฉ่ำ

ชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี    อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ผู้นำธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ไทย ให้ความเห็นว่า วันนี้ธุรกิจโลจิสติกส์ในเมืองไทยถือว่าไปได้ดี  เพราะกลุ่มประเทศอินโดจีน ทั้งลาว เมียนมา และเวียดนาม มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง จึงมีโอกาสอีกมาก แต่ในด้านการแข่งขันก็มีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้ JWD ต้องปรับตัวเพื่อรับการแข่งขันตลอดเวลา

ชวนินทร์ มองว่า แนวทางที่จะสร้างความแตกต่างให้กับ  JWD คือการเสริมบริการโลจิสติกส์ให้ครบวงจร ด้วยการเข้าไปซื้อกิจการบริษัทผู้ให้บริการโลจิสติกส์ด้านต่างๆ ที่ JWD ยังไม่มี เพื่อสามารถให้บริการลูกค้าในรูปแบบโซลูชั่น ครบวงจร แทนที่ลูกค้าจะได้ไปใช้บริการหลายบริษัท ที่ยุ่งยาก และอาจทำให้เสียค่าใช้จ่ายสูงกว่า

        ชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี    อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) 

                โดยดิวการซื้อกิจการล่าสุด JWD ได้ใช้เงินลงทุนประมาณ 83 ล้านบาท  ให้บริษัท เจวีเค อินเตอร์เนชั่นแนล มูฟเวอรส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ JWD  ได้เข้าถือหุ้น 100% ในบริษัท โอเชี่ยน แอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการไทยที่มีความเชี่ยวชาญการดำเนินธุรกิจ Freight Forwarder หรือการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางเรือและทางอากาศ  ช่วยยกระดับ JWD สู่การเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์อย่างครบวงจรทั้งภาคพื้นดิน ทางเรือและทางอากาศ จากปัจจุบันที่ให้บริการภาคพื้นดินเป็นหลัก

การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ JWD  จะได้ทีมบริหารด้าน Freight Forwarder ที่มีประสบการณ์ถึง 20 ปี เข้ามาเสริมทัพ ช่วยเพิ่มศักยภาพการนำเสนอบริการเป็นแบบ Total Sales Solutions ที่มีความครบวงจรในลักษณะวันสต็อปเซอร์วิส โดยในฝั่งสินค้าขาเข้าจากต่างประเทศนั้น บริษัทฯ จะสามารถให้บริการได้อย่างครอบคลุม ตั้งแต่การรับจัดการสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ การรับจัดการพิธีการทางศุลกากร (Customs Clearance) การขนย้ายและรับฝากสินค้าภายในคลังสินค้าของ JWD และการจัดส่งสินค้าถึงจุดหมายปลายทาง ส่วนในฝั่งสินค้าขาออกไปยังต่างประเทศ จะสามารถให้บริการได้ตั้งแต่การขนส่งสินค้ามาจัดเก็บไว้ที่คลังสินค้าของ JWD การรับบริหารจัดการสินค้า เช่น รีแพ็กเก็จจิ้ง การรับจัดการพิธีการทางศุลกากร และการรับจัดการขนส่งสินค้าออกต่างประเทศ ขณะเดียวกัน ยังสามารถต่อยอดนำเสนอบริการ Freight Forwarder ให้แก่ฐานลูกค้าปัจจุบันในธุรกิจต่าง ๆ ของ JWD ซึ่ง ปัจจุบันมีผู้เชี่ยวชาญที่ให้บริการ Freight เฉพาะทางอยู่จำนวนไม่มากในตลาด

โดยฐานลูกค้าที่สามารถนำเสนอบริการ Freight ได้ทันที ได้แก่ 1. ธุรกิจรับฝากและบริหารสินค้าอันตราย ซึ่งปัจจุบัน JWD ได้รับสัมปทานบริหารจัดการสินค้าอันตรายที่ผ่านเข้า-ออก ในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบังกว่า 150,000 ตู้ต่อปี จึงเป็นโอกาสที่จะเสนอบริการ Freight เพิ่มเติมให้แก่ลูกค้า 2. ธุรกิจศูนย์รวมการเก็บและกระจายสินค้าเข้าตู้คอนเทนเนอร์ หรือ Less Container Load Freight Consolidation Hub (LCL)และคลังสินค้าเขตปลอดอากร ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้บริการ 3. ธุรกิจยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์เพื่อการนำเข้า-ส่งออก 4. ธุรกิจห้องเย็น ที่มีโครงการจะยกระดับคลังสินค้าห้องเย็นปลอดอากร (Free Zone) บนถนนบางนา-ตราด กม.19 เป็นศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าในภูมิภาคอาเซียน หรือ Multi-Country Consolidation Hub (MCC) รองรับการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมารวมไว้ที่คลังสินค้าห้องเย็นปลอดอากรเพื่อการส่งออกไปยังปลายทางต่างๆ และ 5. ธุรกิจให้บริการรับขนย้ายบ้านและสำนักงานในต่างประเทศ ที่ปัจจุบันต้องใช้บริการ Freight จากซัพพลายเออร์ภายนอกอยู่แล้ว

ด้านธีระพล กล้าอยู่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน แอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันมีสัดส่วนลูกค้าที่ให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางเรือ (Sea Freight) คิดเป็น 70-80% และใช้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศ (Air Freight) ประมาณ 20-30% มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการ Freight Forwarder เพื่อขนส่งสินค้าทั้งส่งออกและนำเข้าไปยังทวีปยุโรป ประเทศสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อิสราเอล จีน อินโดนีเซีย อินเดีย และเวียดนาม ทั้งสินค้าแบบเต็มตู้ (Full Container Load) และแบบรวมตู้ (Consolidation) และบริษัทฯ เป็น Official Freight Forwarder ของ THE BANGKOK INTERNATIONAL MOTOR SHOW ซึ่งมีความเชี่ยวชาญ EXHIBITION CARGO และในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยนำคอนเซ็ปต์คาร์จากต่างประเทศเข้ามาจัดแสดงในงาน Bangkok International Motor Show  และงาน Bangkok International Motor Expo

ชวนินทร์ กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการเพื่อขยายธุรกิจ Freight Forwarder ในครั้งนี้ ถือ Strategic Move และเป็นจิ๊กซอว์สำคัญสู่การเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์อย่างครบวงจรทุกโหมดการขนส่ง ไม่ว่าการขนส่งจะมาทางอากาศ หรือ ทางทะเล สามารถรองรับลูกค้าได้ทุกทาง ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางโดยคำนึงถึงความง่ายและสะดวกสบายของลูกค้าเป็นที่ตั้ง (Total Solutions) ซึ่งในปีนี้  JWD ยังมีแผนที่จะซื้อกิจการธุรกิจห้องเย็น ในประเทศอินโดนีเซีย และในปีหน้าก็มีการลงทุนซื้อกิจการบริษัทด้าน Freight Forwarder ในประเทศเวียดนาม รวมถึงดิวในการซื้อกิจการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ อีกราว 2-3 บริษัททั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน

ซึ่งแผนการลงทุนทั้งหมดนี้ ชวนินทร์ได้วางเป้าหมายที่จะพา JWD ก้าวขึ้นเป็นบริษัทโลจิสติกส์ ในระดับ Regional Player ภายในปี 2020 สร้างรายได้จากธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้าน AEC ทั้ง อินโดนีเซีย เวียดนาม ลาว เมียนมา กัมพูชา รวมถึงสิงคโปร์ และมาเลเซีย ให้ได้ถึง 1 ใน 4 ของรายได้รวม จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้อยู่ราว 10%