ตลาดทองแข่งหนัก ออโรร่าดึงตลาดเพชรเสริมการเติบโต

2730

ถึงแม้จะไม่ใช่แบรนด์ร้านทองที่ป๊อปปูล่าที่สุดบนถนนเยาวราช แหล่งค้าทองคำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย  แต่หากเดินออกพื้นที่นั้น ร้านทองออโรร่า คือ ผู้นำร้านทองในโมเดิร์นเทรดที่มีสาขามากที่สุด

ออโรร่า เป็นชื่อที่เกิดจากประสิทธิ์ ศรีรุ่งธรรม เจนเนอเรชั่นที่ 2 ของตระกูล ที่เติบโตขึ้นมาพร้อมกับร้านทองของคุณพ่อซุ่ยฮุย อดีตช่างทองที่เป็นผู้ผลิตทองส่งให้กับร้านขายทองบนถนนเยาวราชมาตั้งแต่ปี 2500 จนเติบโตมาเปิดร้านทองของตนเองในชื่อ “ห้างทอง ซุ่ยเซ่งเฮง”

ประสิทธิ์มองเห็นความสำคัญของการสร้างแบรนด์ ที่จะสร้างความโดดเด่นให้กับร้านทองของตน รวมถึงสะท้อนความทันสมัย จดจำง่าย ชื่อ “ออโรร่า” จึงถูกนำมาใช้ พร้อมเปิดตลาดร้านทองแนวใหม่ นำห้างทองออโรร่า เข้าไปเปิดให้ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ รามคำแหง ตั้งแต่ปี 2529 ถือเป็นร้านทองร้านแรกๆ ที่รุกเข้าสู่โมเดิร์นเทรด

ปัจจุบัน ห้างเพชรทอง ออโรร่า มีสาขาเปิดให้บริการมากถึง 181 สาขา ทั่วประเทศไทย

วันนี้ ห้างเพชรทองออโรร่า ผ่านมาถึงผู้บริหารในเจนเนอเรชั่นที่ 3  โดยสาขาของห้างที่มีมากเกือบ 200 สาขานี้ ทำรายได้ในครึ่งปีแรกของปีนี้ถึง 2,000 ล้านบาท และจะไปถึง 5,000  ล้านบาทในสิ้นปีนี้ ถือเป็นความสำเร็จของร้านทองที่มองเห็น Blue Ocean และเข้ามาจับจองพื้นที่ก่อนคนอื่น

อนิพัทย์ ศรีรุ่งธรรม กรรมการบริหาร บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด เผยว่า ด้วยเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลง และนวัตกรรมใหม่ๆ ประกอบกับความต้องการของผู้บริโภคหลากหลายมากยิ่งขึ้น บริษัทฯ จึงเล็งเห็นถึงช่องทางการตีตลาด และศักยภาพของการจับจ่ายของผู้บริโภค จึงได้ตัดสินใจแตกไลน์ธุรกิจเพื่อจำหน่ายเครื่องประดับเพชรอย่างเป็นทางการ ภายใต้ชื่อ ออโรร่า   ไดมอนด์’

“ที่ผ่านมา ออโรร่ามีการจำหน่ายเครื่องประดับเพชรอยู่ภายในร้านมาเป็นเวลานานแล้ว  เพียงแต่จัดเป็นมุมหนึ่งในร้านเท่านั้น แต่ในเวลานี้ ตลาดเพชรภายในประเทศมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท ทำให้บริษัทเล็งเห็นถึงโอกาสในการขยายธุรกิจกลุ่มนี้ ประกอบกับฐานลูกค้าเดิมของออโรร่าที่ซื้อสินค้าทองรูปพรรณอยู่แล้ว และมีความสนใจซื้อเพชร เนื่องจากอยู่ในร้านเดียวกัน โดยช่วงที่ผ่านมายอดขายเพชรมีการเติบโตปีละ 40-50% ขณะที่ปัจจุบันแบรนด์อื่นๆ ในตลาดจะจำหน่ายสินค้าประเภทเดียว คือ ทอง หรือเพชร เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง จึงเป็นโอกาสที่ดีของ ออโรร่า ที่จะสร้างความแตกต่างในตลาด   ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคสมัยใหม่ เจาะกลุ่มอายุ 25 ปีขึ้นไป วัยทำงาน ที่หันมานิยมใส่เครื่องประดับเพชรกันมากขึ้น ”

ด้านลภัสรา ฤติวรางค์กูร ผู้อำนวยการธุรกิจเพชร บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด กล่าวว่า  แนวทางการเปิดร้านออโรร่า ไดมอนด์ มีอยู่ 2 รูปแบบ คือ  เปิดอยู่ในห้างเพชรทองออโรร่า ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ใน 180 สาขา ขณะที่อีกแบบคือ การเปิดร้านออโรร่า ไดมอนด์ แบบ Stand Alone ที่ปัจจุบันมีอยู่ 9 แห่ง ในห้างสรรพสินค้าและโมเดิร์นเทรด ซึ่งแผนงานจากนี้จะเน้นการขยายร้านแบบ Stand Alone ให้เพิ่มขึ้น มีเป้าหมาย 20 ร้านในปีหน้า  โดยมีเป้าหมายยอดขายในปีนี้ ตั้งไว้ 512 ล้านบาท เพิ่มแตะระดับ 1,000 ล้านบาท ในปี 2562  และไปถึง 1,200 ล้านบาทในปี 2563 หรือ ปี ค.ศ 2020

ลภัสรา กล่าวถึงสินค้าเปิดตัวว่า เพื่อให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในคุณภาพสินค้าของออโรร่า ไดมอนด์ บริษัทฯ จึงร่วมเป็นพันธมิตรระดับเวิลด์คลาสทั้ง สถาบัน IIDGR จาก De Beers (เดอเบียร์) อังกฤษ  และ Sarine (ซารีน) จาก อิสราเอล เป็นรายแรกในประเทศไทย ในคอลเลคชั่นเปิดตัว  The Ultimate Love โดยเครื่องประดับเพชรทุกชิ้นได้รับการรับรองคุณภาพจาก 2 สถาบันดังกล่าว เป็นครั้งแรกของวงการเพชรในประเทศไทย เพื่อให้ได้เพชรที่สวยที่สุด ได้สมมาตรที่สุด เล่นไฟมากที่สุด และเปล่งประกายแวววาว ระยิบระยับระดับสูงสุด ชื่อ เพชรกลุ่มอัลติเมท (Ultimate) ซึ่งเพชรประเภทนี้หายากมาก และมีเพียง 2% ในโลกเท่านั้น และนั่นคือที่มาของชื่อ คอลเล็คชั่นแรกของออโรร่า ไดมอนด์ คือ ดิ อัลติเมท เลิฟ (The Ultimate Love)

คอลเล็คชั่นแรก จะประกอบไปด้วยเครื่องประดับเพชรหลากหลายดีไซน์กว่า 200 แบบ แบ่งเป็นจี้ ต่างหู และแหวน ประดับทอง และทองขาว โดยได้แรงบันดาลใจจากความรักที่ออโรร่า ไดมอนด์ ตั้งใจมอบให้ผู้บริโภคผ่านทางเครื่องประดับเพชรทุกชิ้น โดยเน้นชูความเด่นของเพชร ด้วยดีไซน์สวย ทันสมัย มีความเป็นเฟมินีน ใส่ง่าย ใส่ได้ทุกวัน สามารถมิกซ์แอนด์แมทช์กับเสื้อผ้าได้หลากหลาย ในราคาที่เอื้อมถึง โดยราคาสินค้าเริ่มต้น 29,900 บาทเท่านั้น โดยได้เริ่มวางจำหน่ายเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ที่สาขาในกรุงเทพฯ และจะทยอยส่งสินค้าให้ครอบคลุมยังสาขาต่างจังหวัดภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้

สำหรับภาพรวมของ บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด อนิพัทย์ กล่าวว่า ตลาดทองรูปพรรณปัจจุบันมีมูลค่าราวปีละ 50,000 ล้านบาท โดยร้านทองในโมเดิร์นเทรด มีมูลค่าราว 10,000 ล้านบาท และมีการแข่งขันกันค่อนข้างมาก ซึ่งบริษัทก็มีแผนรับการแข่งขัน ด้วยการเปิดสาขาใหม่อีก 30 สาขา เน้นสาขาในห้างสรรพสินค้าเป็นหลัก และได้เตรียมงบลงทุนอีก 80 ล้านบาท เพื่อปรับโฉมหน้าร้านเดิมราว 30 สาขา โดยคาดว่าสิ้นปีนี้ จะมีสาขารวมทั้งหมด 200 สาขาทั่วประเทศ โดยหลังการเปิด ออโรร่า ไดมอนด์ จะเป็นส่วนช่วยให้ยอดขายรวมของบริษัทเติบโตขึ้นอีก โดยตั้งเป้าภายในเวลา 3 ปี จะสามารถทำยอดขายโดยรวมได้ถึง 15,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด เป็นธุรกิจค้าปลีกที่ประกอบไปด้วยการจำหน่ายสินค้า 4 ประเภทคือ โมเดิร์น โกลด์ (ทองรูปพรรณ 96.5%) ดีไซน์ โกลด์ (ทองรูปพรรณ 75%) ดีไลท์ โกลด์ (ทองรูปพรรณต่างๆ รวมถึงเครื่องประดับมีค่า)และออโรร่า ไดมอนด์ (เครื่องประดับอัญมณี และเพชร) และบริการหลัก 1 บริการคือ บริการรับขายฝาก (ทองและเครื่องประดับมีค่า)