4 ปัจจัยสร้างแบรนด์จีน “หัวเว่ย” เป็นแบรนด์โลก

1542

ความสำเร็จของการสร้างแบรนด์จีนให้เป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย หากเทียบกับยุคของการสร้างแบรนด์ญี่ปุ่น และแบรนด์เกาหลีใต้   

เพราะขณะที่แบรนด์ญี่ปุ่นเกิดจากการเลียนแบบ จนก้าวออกมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ขณะที่แบรนด์เกาหลีใต้ ต้องดึงเอาองพคาพยพ ทั้งศิลปวัฒนธรรม อาหารการกิน  ผนึกรวมในการสร้างแบรนด์ให้โลกยอมรับ  แต่สำหรับแบรนด์จีน ภาพของสินค้าก็อปปี้ สินค้าด้อยคุณภาพ ลอยมาทันทีเมื่อพูดถึง

นั่นคงไม่ใช่อุปสรรคของแบรนด์ที่มุ่งมั่นตั้งใจอย่าง หัวเว่ย  ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเทเลคอม

 ผลิตภัณฑ์และบริการของหัวเว่ยมีอยู่ในมากกว่า 170 ประเทศทั่วโลก ซึ่งถูกนำไปใช้งานโดยประชากร 1 ใน 3 ของโลก และมีการขนส่งสินค้าโทรศัพท์มือถือมากเป็นอันดับ 3 ของโลกในปี 2015 หัวเว่ยมีศูนย์วิจัยและพัฒนากว่า 15 แห่ง ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา เยอรมนี สวีเดน รัสเซีย อินเดีย และจีน  โดย หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป เป็น 1 ใน 3 สายการดำเนินงานหลักของหัวเว่ย รับผิดชอบธุรกิจสมาร์ทโฟน อุปกรณ์บรอดแบนด์ไร้สาย อุปกรณ์ภายในบ้าน และบริการเก็บข้อมูลแบบคลาวด์ เครือข่ายระดับโลก

ปัจจัยที่ทำให้หัวเว่ย ก้าวข้ามผ่านการเป็นแบรนด์จีน สู่แบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก  เกิดจากความแข็งแกร่งใน 4 ด้าน

การพัฒนาผลิตภัณฑ์   หัวเว่ยให้ความสำคัญกับการสรรค์สร้างนวัตกรรมและการควบคุมคุณภาพของสินค้า โดยคำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลัก ซึ่งหัวเว่ยมีศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) 15 แห่งทั่วโลก ศูนย์พัฒนานวัตกรรมร่วม (Joint Innovation Centers) 36 แห่งทั่วโลก โดยใช้งบลงทุนประมาณ 10% ของยอดขายในแต่ละปี โดยตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมาหัวเว่ยใช้เงินลงทุนใน R&D รวมกว่า 45 พันล้านดอลล่าร์

อีกนโยบายสำคัญในการสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์หัวเว่ยให้เป็นที่ต้องการของผู้บริโภค  คือการร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์กับพันธมิตร กล้อง Leica ที่สร้างให้สมาร์ทโฟนหัวเว่ย กลายเป็นที่สนใจของคนทั่วโลก   ลำโพง Harman/kardon ,  Pantone รวมถึง Google  ล้วนเป็นพันธมิตรที่เข้ามาช่วยพัฒานผลิตภัณฑ์หัวเว่ยให้เป็นที่ต้องการของผู้คน

การขยายช่องทางจัดจำหน่าย   ปัจจุบันหัวเว่ยมีร้านจัดจำหน่าย (Retail Store) กว่า 42,300 แห่งทั่วโลก และจะเพิ่มเป็น 56,000 แห่งภายในปีนี้  สำหรับประเทศไทย ขณะนี้มีหัวเว่ยแบรนด์ช็อป 41 แห่งทั่วประเทศ มีแผนขยายให้มากกว่า 60 แห่งภายในปีนี้  ขณะที่จุดจำหน่ายช่อทางขายจากปีที่ผ่านมา 1,000 จุด เพิ่มมาเป็น 9,000 จุด ในปัจจุบัน เป้ามายจะขยายให้มากกว่า 1 หมื่นจุด

การสร้างแบรนด์   จากการสั่งสมประสบการณ์มากว่า 20 ปี  วันนี้แบรนด์หัวเว่ยได้รับการจัดอันดับจากสื่อและองค์กรระดับโลกมากมาย เช่น อยู่ในอันดับที่ 83 ของ Fortune’s Global 500, อันดับ 88 ของนิตยสาร Forbes’ the World Most Valuable Brand, และ อันดับ 72 ของ  Interbrand

สำหรับในประเทศไทย การรับรู้ถึงแบรนด์หัวเว่ย เพิ่มจาก 65% เป็น 84%  ความสนใจที่จะซื้อสินค้าหัวเว่ย เพิ่มจาก 7% ในปีก่อน มาเป็น 13% ในปีนี้  โดยส่วนแบ่งสมาร์ทโฟนในตลาดพรีเมียม เพิ่มจาก 1.6% มาเป็น 8.3%  โดยในประเทศไทย หัวเว่ย ถือเป็น 1 ใน 2 แบรนด์ ที่มีสินค้าโทรศัพท์มือถือวางตลาดเจาะกลุ่มตั้งแต่ระดับต่ำกว่า 3 พันบาท ไปจนถึงระดับสูงกว่า 2 หมื่นบาท

การยกระดับบริการหลังการขาย   หัวเว่ยขยายศูนย์บริการ (Huawei Customer Service Center) จาก 4 ศูนย์ เป็น 14 แห่งในไทย พร้อมจุดรับเครื่องเพื่อส่งต่อศูนย์บริการ (Collection Point) กว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนั้นยังมีบริการสุดพิเศษที่เรียกว่า “Door to Door Service” เพื่อให้เจ้าหน้าที่หัวเว่ยไปรับเครื่องถึงที่ที่คุณต้องการ  และเปิดช่องทางการสื่อสารผ่านอีเมล์ถึงผู้บริหารระดับสูงโดยตรง

มีการบริการ Diamond Service สำหรับสินค้าระดับพรีเมียม สมาร์ทโฟน P9 และ P10 และกลุ่ม Mate ที่มีทั้งการรับประกันซ่อมเครื่องเสร็จภายในเวลา 1 ชั่วโมง รับประกันจอ มอบส่วนลด และการรับประกันเครื่องนาน 2 ปี

ทศพร นิษฐานนท์ รองผู้อำนวยการ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย)  กล่าวว่า ทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยีของหัวเว่ยในอนาคต คือการมุ่งสู่การเป็นสังคมอัจฉริยะซึ่งกำลังเกิดขึ้นการการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลที่ผสานเข้าไปในทุกมิติของไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค เพื่อช่วยอำนวยความสะดวก และเสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น หัวเว่ยมุ่งให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ผสานทั้งเทคโนโลยีแห่งอนาคตและนวัตกรรมที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคปฏิวัติสังคมอัจฉริยะ แนวทางการพัฒนาสมาร์ทโฟนอัจฉริยะจึงประกอบด้วยทั้งการออกแบบตัวดีไวซ์ การเชื่อมต่อ การทำงานร่วมกับคลาวด์ และเทคโนโลยีชิพเซ็ต ควบคู่กันไปเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงหัวเว่ย พร้อมที่จะก้าวสู่สังคมอัจฉริยะด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์ขึ้นจากสุดยอดเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เพื่อมอบประสบการณ์ของไลฟ์สไตล์แบบอัจฉริยะที่เป็นเลิศอย่างครบวงจรให้กับผู้บริโภค   ไม่เพียงในฐานะแบรนด์ซึ่งเป็นที่รักของผู้บริโภคทั่วโลก แต่ยังเป็นผู้นำแห่งยุคอัจฉริยะอย่างแท้จริง

ด้านผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2560 ของหัวเว่ย ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยหัวเว่ยมียอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกกว่า 73 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 20.6% ขณะที่ยอดขายในประเทศไทยเติบโตอย่าง ก้าวกระโดดถึง 8 เท่าในเชิงจำนวนเครื่อง และเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าในเชิงมูลค่า ทำให้สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้ 10.7% ณ เดือนพฤษภาคม 2560 จาก 1.2% ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

วันนี้ ส่วนแบ่งสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยในประเทศไทย  ก้าวขึ้นมาถึงอันดับ 2 ได้แล้วในบางช่วง เป้าหมายต่อไปคือการยึดตำแหน่งอันดับ 2 ให้ได้อย่างถาวร